สวัสดีครับทุกคน! สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวสอบข้อเขียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศ (Trade English) อยู่ คงจะรู้สึกกังวลไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ?
ผมเองก็เคยผ่านมาแล้ว เข้าใจความรู้สึกดีเลยครับ ว่าจะต้องอ่านอะไรบ้าง จับประเด็นตรงไหนถึงจะตอบได้คะแนนดีๆ ยิ่งตอนนี้เทรนด์การค้าระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก กฎระเบียบใหม่ๆ ก็ออกมาให้ปวดหัวกันอีกแต่ไม่ต้องห่วงครับ!
ผมรวบรวมและวิเคราะห์แนวข้อสอบที่คาดว่าจะออก พร้อมทั้งอัพเดทประเด็นที่น่าสนใจในวงการการค้าโลกมาให้แล้วครับ รับรองว่าอ่านจบแล้วมั่นใจขึ้นเยอะแน่นอน ไม่ว่าจะเรื่อง Incoterms, Letters of Credit, หรือแม้แต่ประเด็นร้อนๆ อย่าง Supply Chain Disruption ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันทั่วโลก ก็มีอยู่ในบทความนี้ครับเอาล่ะครับ อย่ารอช้าเลย!
มาเจาะลึกแนวข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องแม่นยำ เราไปศึกษาอย่างละเอียดกันเลย!
ทำความเข้าใจ Incoterms 2020: กฎระเบียบที่ผู้ส่งออกและนำเข้าต้องรู้
1. ความสำคัญของ Incoterms ในการค้าระหว่างประเทศ
Incoterms หรือ International Commercial Terms คือชุดของกฎระเบียบที่กำหนดความรับผิดชอบของผู้ซื้อและผู้ขายในการส่งมอบสินค้าภายใต้สัญญาซื้อขายระหว่างประเทศ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในขั้นตอนต่างๆ ของการขนส่งสินค้า ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หากไม่มี Incoterms ที่ชัดเจน อาจเกิดข้อพิพาทและความเข้าใจผิดระหว่างคู่ค้าได้ง่ายมากครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ สมมติว่าเราซื้อสินค้าจากจีนโดยไม่ได้ระบุ Incoterms ในสัญญา หากสินค้าเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่ง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ? ใครจะต้องจ่ายค่าซ่อมแซม หรือใครจะต้องเป็นคนทำเรื่องเคลมประกัน? Incoterms จะช่วยให้เราตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนครับ
2. เจาะลึกเงื่อนไข Incoterms ที่พบบ่อยในการสอบ
ในการสอบข้อเขียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศ มักจะมีการถามเกี่ยวกับ Incoterms ที่ใช้บ่อยๆ ครับ ซึ่งผมขอสรุปเงื่อนไขที่สำคัญมาให้ดังนี้
- EXW (Ex Works): ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้า ณ สถานที่ของตนเอง ผู้ซื้อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทั้งหมดตั้งแต่จุดนั้นเป็นต้นไป
- FOB (Free on Board): ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าขึ้นบนเรือที่ท่าเรือต้นทาง ผู้ซื้อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทั้งหมดหลังจากสินค้าอยู่บนเรือแล้ว
- CIF (Cost, Insurance and Freight): ผู้ขายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งและค่าประกันภัยจนถึงท่าเรือปลายทาง แต่ความเสี่ยงจะโอนไปยังผู้ซื้อเมื่อสินค้าอยู่บนเรือแล้ว
- DDP (Delivered Duty Paid): ผู้ขายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทั้งหมดจนกระทั่งสินค้าส่งมอบถึงสถานที่ของผู้ซื้อ รวมถึงค่าภาษีอากรด้วย
นอกจากนี้ ยังมี Incoterms อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น FAS (Free Alongside Ship), CFR (Cost and Freight), CIP (Carriage and Insurance Paid to) และ DAP (Delivered at Place) ซึ่งแต่ละเงื่อนไขก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของความรับผิดชอบและค่าใช้จ่าย ลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ จะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของ Incoterms ได้ดียิ่งขึ้น
Letter of Credit (L/C): เครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการค้าระหว่างประเทศ
1. หลักการทำงานของ Letter of Credit
Letter of Credit หรือ L/C คือหนังสือที่ธนาคารออกให้ตามคำขอของผู้ซื้อ (Applicant) เพื่อรับรองว่าจะชำระเงินให้แก่ผู้ขาย (Beneficiary) เมื่อผู้ขายปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน L/C ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดความเสี่ยงให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการค้าระหว่างประเทศที่คู่ค้าอยู่ห่างไกลกันและอาจไม่รู้จักกันมาก่อน
ผมขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนนะครับ สมมติว่าบริษัทในไทยต้องการซื้อเครื่องจักรจากเยอรมนี บริษัทไทยสามารถขอให้ธนาคารในไทยออก L/C ให้แก่บริษัทเยอรมัน โดยระบุเงื่อนไขว่าบริษัทเยอรมันจะต้องส่งมอบเอกสารต่างๆ เช่น ใบกำกับสินค้า ใบตราส่ง และใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ให้แก่ธนาคารในเยอรมนี เมื่อธนาคารในเยอรมนีตรวจสอบเอกสารแล้วพบว่าถูกต้อง ก็จะทำการจ่ายเงินให้แก่บริษัทเยอรมัน จากนั้นธนาคารในเยอรมนีก็จะส่งเอกสารทั้งหมดมาให้ธนาคารในไทย เพื่อให้บริษัทไทยสามารถนำเอกสารไปรับสินค้าได้
2. ประเภทของ Letter of Credit ที่ควรรู้
L/C มีหลายประเภทครับ แต่ประเภทที่พบบ่อยในการสอบและในการทำธุรกิจจริง มีดังนี้
- Irrevocable L/C: ไม่สามารถแก้ไขหรือยกเลิกได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- Revocable L/C: สามารถแก้ไขหรือยกเลิกได้โดยธนาคารผู้ออก L/C โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ขายทราบล่วงหน้า (ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้)
- Confirmed L/C: ธนาคารอื่น (มักจะเป็นธนาคารในประเทศของผู้ขาย) เข้ามารับรองการชำระเงินเพิ่มเติม ทำให้ผู้ขายมั่นใจได้มากขึ้นว่าจะได้รับเงินแน่นอน
- Standby L/C: ใช้เป็นหลักประกันในการปฏิบัติตามสัญญา โดยธนาคารจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ (Beneficiary) หากผู้ขอเปิด L/C (Applicant) ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้
ทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายและข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ
1. ความสำคัญของ WTO (World Trade Organization)
องค์การการค้าโลก หรือ WTO มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกฎเกณฑ์และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดอุปสรรคทางการค้า เช่น ภาษีศุลกากร และส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อให้ประเทศต่างๆ สามารถทำการค้าได้อย่างเสรีและเป็นประโยชน์ร่วมกัน การทำความเข้าใจกฎระเบียบของ WTO จะช่วยให้เราวางแผนกลยุทธ์การค้าระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
นอกจากนี้ WTO ยังมีกลไกในการระงับข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ประเทศต่างๆ สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการตีความกฎระเบียบที่แตกต่างกันได้อย่างเป็นธรรม
2. ความตกลงทางการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA)
FTA คือข้อตกลงระหว่างสองประเทศหรือมากกว่า ที่ตกลงที่จะลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกและนำเข้าสินค้าได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น
ประเทศไทยมี FTA กับหลายประเทศครับ เช่น อาเซียน จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และชิลี ซึ่งแต่ละ FTA ก็มีรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ลองศึกษา FTA ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีและสิทธิพิเศษอื่นๆ
ผลกระทบของ Supply Chain Disruption ต่อการค้าระหว่างประเทศ
1. สาเหตุและผลกระทบของ Supply Chain Disruption
Supply Chain Disruption หรือการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นจากภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ต้นทุนการผลิตและขนส่งสูงขึ้น สินค้าขาดแคลน และส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้โรงงานหลายแห่งต้องปิดทำการ การขนส่งสินค้าล่าช้า และท่าเรือต่างๆ เกิดความแออัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก
2. กลยุทธ์การรับมือกับ Supply Chain Disruption
ในยุคที่ Supply Chain มีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรมีกลยุทธ์ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น
- Diversification of Suppliers: กระจายความเสี่ยงโดยการมี Suppliers หลายราย เพื่อลดการพึ่งพา Suppliers รายใดรายหนึ่งมากเกินไป
- Inventory Management: บริหารจัดการ Inventory ให้มีปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า แต่ไม่มากจนเกินไปจนเกิดภาระค่าใช้จ่าย
- Technology Adoption: นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการ Supply Chain เช่น ระบบติดตามสินค้า (Tracking System) และระบบพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า (Demand Forecasting)
- Risk Management: ประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นใน Supply Chain และวางแผนรับมือกับความเสี่ยงเหล่านั้นล่วงหน้า
เทคนิคการเขียน Essay ภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศให้ได้คะแนนดี
1. โครงสร้างของ Essay ที่ดี
Essay ที่ดีควรมีโครงสร้างที่ชัดเจน ประกอบด้วย
- Introduction: บทนำที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน และนำเสนอประเด็นหลักของ Essay
- Body Paragraphs: เนื้อเรื่องที่สนับสนุนประเด็นหลักด้วยเหตุผลและหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
- Conclusion: บทสรุปที่สรุปประเด็นหลักและให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ
ในแต่ละ Body Paragraph ควรมี Topic Sentence ที่ระบุประเด็นหลักของ Paragraph และ Supporting Sentences ที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมและสนับสนุน Topic Sentence
2. การใช้ภาษาและสำนวนที่เหมาะสม
ในการเขียน Essay ภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศ ควรใช้ภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นทางการ หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ หรือภาษาพูดที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ควรใช้สำนวนภาษาที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ เช่น
- Terms of trade
- Balance of payments
- Foreign exchange rate
- Competitive advantage
การใช้คำศัพท์และสำนวนเหล่านี้อย่างถูกต้อง จะช่วยแสดงให้เห็นถึงความรู้และความเข้าใจในเนื้อหา
การวิเคราะห์ข่าวและสถานการณ์ปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ
1. ติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ในการสอบข้อเขียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศ มักจะมีการถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการค้าโลก ดังนั้น การติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น
- The Economist
- Financial Times
- Wall Street Journal
- Bloomberg
จะช่วยให้เรามีความรู้และความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการการค้าโลก
2. วิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ ต่อการค้าระหว่างประเทศ
เมื่อเราติดตามข่าวสารและสถานการณ์ต่างๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญคือการวิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์เหล่านั้นต่อการค้าระหว่างประเทศ เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การ Brexit หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของประเทศต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ในการตอบคำถามในการสอบได้
การเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์วิชาภาษาอังกฤษเพื่อการค้าระหว่างประเทศ
1. ฝึกตอบคำถามที่พบบ่อยในการสอบสัมภาษณ์
นอกจากการสอบข้อเขียนแล้ว การสอบสัมภาษณ์ก็เป็นส่วนสำคัญในการประเมินความรู้และความสามารถของเรา ดังนั้น การเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรฝึกตอบคำถามที่พบบ่อยในการสอบสัมภาษณ์ เช่น
- Tell me about yourself.
- Why are you interested in international trade?
- What are your strengths and weaknesses?
- What are your career goals?
- What do you know about our company?
การเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการสอบสัมภาษณ์
2. พัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ
ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในการสอบสัมภาษณ์ ควรฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถสื่อสารความคิดและความรู้ของเราได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง นอกจากนี้ ควรใส่ใจในเรื่องของไวยากรณ์ การออกเสียง และการใช้ภาษาที่เหมาะสม
หัวข้อ | เนื้อหา | สิ่งที่ควรเน้น |
---|---|---|
Incoterms 2020 | กฎระเบียบที่กำหนดความรับผิดชอบของผู้ซื้อและผู้ขายในการส่งมอบสินค้า | ความหมายของแต่ละ Incoterms, ความรับผิดชอบของผู้ซื้อและผู้ขาย |
Letter of Credit (L/C) | หนังสือที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองว่าจะชำระเงินให้แก่ผู้ขาย | หลักการทำงานของ L/C, ประเภทของ L/C |
WTO (World Trade Organization) | องค์การการค้าโลกที่กำหนดกฎเกณฑ์และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ | บทบาทของ WTO, กลไกในการระงับข้อพิพาททางการค้า |
FTA (Free Trade Agreement) | ข้อตกลงทางการค้าเสรีที่ลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากร | ความหมายของ FTA, FTA ที่ประเทศไทยมี |
Supply Chain Disruption | การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน | สาเหตุและผลกระทบของ Supply Chain Disruption, กลยุทธ์การรับมือ |
บทสรุป
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวสอบหรือผู้ที่สนใจในการค้าระหว่างประเทศนะครับ การทำความเข้าใจ Incoterms, Letter of Credit, WTO, FTA และ Supply Chain จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจระหว่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ!
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยนะครับ ผมยินดีให้คำแนะนำเสมอ
ข้อมูลน่ารู้เพิ่มเติม
1. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีผลต่อต้นทุนการนำเข้าและส่งออกสินค้า หากค่าเงินบาทอ่อนตัวลง จะทำให้สินค้าไทยมีราคาถูกลงในตลาดโลก
2. การทำประกันภัยขนส่งสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง
3. การตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก จะช่วยลดปัญหาการถูกปฏิเสธสินค้าจากลูกค้า
4. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า จะช่วยให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
5. การศึกษาวัฒนธรรมและกฎหมายของประเทศคู่ค้า จะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ
ประเด็นสำคัญ
Incoterms กำหนดความรับผิดชอบในการส่งมอบสินค้า
Letter of Credit ช่วยลดความเสี่ยงในการชำระเงิน
WTO ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่เป็นธรรม
FTA ช่วยลดอุปสรรคทางการค้า
Supply Chain Disruption ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖
ถาม: Incoterms คืออะไร และทำไมถึงสำคัญในการค้าระหว่างประเทศ?
ตอบ: Incoterms หรือ International Commercial Terms คือชุดของกฎเกณฑ์ที่กำหนดความรับผิดชอบของผู้ซื้อและผู้ขายในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศครับ มันระบุว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงต่างๆ ในการขนส่งสินค้า ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง การใช้ Incoterms ช่วยลดความเข้าใจผิดและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้การค้าราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ เหมือนกับการตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลังนั่นเองครับ
ถาม: Letters of Credit (L/C) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรต่อผู้ซื้อและผู้ขาย?
ตอบ: Letters of Credit (L/C) หรือเลตเตอร์ออฟเครดิต เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ธนาคารออกให้ เพื่อรับประกันการชำระเงินให้กับผู้ขาย (ผู้ส่งออก) ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน L/C ครับ สำหรับผู้ขาย มันช่วยลดความเสี่ยงจากการไม่ได้รับเงินค่าสินค้า เพราะธนาคารจะรับประกันการชำระเงินให้ ส่วนผู้ซื้อ (ผู้นำเข้า) ก็มั่นใจได้ว่าผู้ขายจะส่งสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ เพราะธนาคารจะตรวจสอบเอกสารก่อนที่จะทำการชำระเงินครับ เหมือนมีคนกลางที่น่าเชื่อถือมาช่วยดูแลให้ทั้งสองฝ่ายสบายใจนั่นเองครับ
ถาม: ถ้าเจอข้อสอบถามเรื่อง Supply Chain Disruption ควรตอบอย่างไรให้ได้คะแนนดี?
ตอบ: ถ้าเจอคำถามเกี่ยวกับ Supply Chain Disruption ในข้อสอบ ให้เน้นตอบถึงสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการแก้ไขปัญหาครับ เริ่มจากอธิบายว่า Supply Chain Disruption คืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด ความขัดแย้งทางการเมือง หรือปัญหาด้านแรงงาน จากนั้นอธิบายถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจต่างๆ เช่น สินค้าขาดตลาด ราคาแพงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และความล่าช้าในการส่งมอบสินค้า สุดท้าย เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา เช่น การกระจายความเสี่ยงโดยหาแหล่งวัตถุดิบและซัพพลายเออร์หลายราย การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการ Supply Chain การวางแผนรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าครับ ยิ่งยกตัวอย่างสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ด้วย จะยิ่งทำให้คำตอบน่าสนใจและได้คะแนนดีครับ
📚 อ้างอิง
Wikipedia Encyclopedia
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과